แพรรี่เตรียมบุกกองปราบในวันที่ 5 พฤศจิกายน เพื่อแจ้งความดำเนินคดีต่อผู้อำนวยการพุทธและหลวงพี่น้ำฝนในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและหมิ่นประมาท โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากที่แพรรี่รู้สึกว่าได้รับความไม่เป็นธรรมและต้องการให้มีการตรวจสอบความถูกต้องตามกฎหมาย ในขณะเดียวกัน พระธีระได้ตอบคำถามแพรรี่เกี่ยวกับการสอบสวนจากคณะสงฆ์ โดยระบุว่าเขายังไม่ได้กลับวัดภายใน 7 วันตามคำสั่ง และตั้งคำถามถึงความมั่นใจของพระธีระในการบุกกองปราบ หลังจากเหตุการณ์ตะบันหน้าที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ พระธีระยืนยันว่าทำกรรมอะไรไว้ก็ต้องรับผลกรรม พร้อมกล่าวพุทธพจน์เกี่ยวกับกรรม ซึ่งทำให้เกิดกระแสการตอบรับในสังคมออนไลน์ ชาวเน็ตต่างแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการกระทำของพระธีระ โดยเรียกร้องให้เขาสึกออกจากผ้าเหลืองเพื่อไม่ให้เสื่อมเสียต่อศาสนา ความคิดเห็นที่หลากหลายนี้สะท้อนให้เห็นถึงความกังวลของประชาชนเกี่ยวกับการกระทำของบุคคลในวงการศาสนาและความเหมาะสมในการดำรงตำแหน่งภายในสถาบันศาสนา
ต้นหอม สกุลตารา ได้ยืนยันว่าจะไม่ฟ้อง “อัจฉริยะ” หลังจากที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอตกงานและถูกยกเลิกพรีเซ็นเตอร์ ทั้งนี้ อัจฉริยะได้ประกาศเตรียมดำเนินคดีทางไซเบอร์และฟ้องหมิ่นประมาทต้นหอม พร้อมเปิดเผยว่ามีข้อมูลลับจำนวนมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในขณะที่เปิดใจ ต้นหอมกล่าวว่าเธอไม่ต้องการเป็นศัตรูกับใคร และยืนยันว่า ธุรกิจที่เธอเคยทำไม่ใช่แชร์ลูกโซ่เหมือนที่ถูกกล่าวหา โดยเธอรู้สึกถึงความไม่เป็นธรรมและต้องการให้ทุกคนเข้าใจความจริง นอกจากนี้ อัจฉริยะยังได้ยื่นหนังสือให้สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ตรวจสอบบริษัทผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่ไม่มีใบอนุญาต ซึ่งทำให้สถานการณ์นี้ยิ่งตึงเครียดขึ้น ต้นหอมจึงขอปลดล็อคความในใจและเริ่มต้นใหม่ โดยไม่ต้องเก็บพลังลบในใจอีกต่อไป…
เจ้าของแบรนด์ Fibber แสดงความผิดหวังหลังจากจ้าง “นารา” ให้มาทำการรีวิวสินค้า แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง โดยนาราเผยว่าเธอได้ทำงานอย่างเต็มที่ในการไลฟ์สดเพื่อโปรโมตสินค้า แต่ยอดขายกลับไม่เป็นไปตามที่หวัง เจ้าของแบรนด์ระบุว่านาราใช้เวลาเพียง 23 นาทีในการขายสินค้า ก่อนที่จะไปขายเครปของตัวเอง ซึ่งทำให้เขารู้สึกไม่พอใจต่อการทำงานของนารา ขณะเดียวกันนาราก็ได้แสดงความเสียใจที่ถูกเข้าใจผิด โดยยืนยันว่าเธอไม่สามารถการันตียอดขายให้กับสินค้าได้ เหตุการณ์ดังกล่าวกลายเป็นประเด็นร้อนในสังคมออนไลน์ โดยมีผู้คนออกมาแสดงความคิดเห็นหลากหลายเกี่ยวกับการโต้เถียงระหว่างนาราและเจ้าของแบรนด์ บางคนสนับสนุนการทำงานของนารา ขณะที่บางคนตั้งคำถามถึงความรับผิดชอบของทั้งสองฝ่าย ทำให้เหตุการณ์นี้กลายเป็นที่จับตามองและสร้างความสนใจในหมู่ผู้บริโภคและแฟนคลับมากมาย